วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

จก คิชเช่น (ร้านโต๊ะเดียว)






แรกสุดที่พบเจอชื่อ ร้านโต๊ะเดียว นี่ได้อ่านมาจากคอลัมน์ของ "ยายมา" อีกทีเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ว่าร้านนี้มีโต๊ะเพียงแค่โต๊ะเดียว ไม่มีเมนู เจ้าของร้าน (เฮียจก) อยากทำอะไรก็จะทำมาให้กินกัน ไม่มีเมนู หรือทำมาตามที่ของในตู้เย็นพอจะมี พอได้อ่านเจอแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นทีเดียว โดยปกติเป็นแฟนประจำของ "ยายมา" อยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าติดตามไปชิมหลายที่แล้ว ถือว่ามีรสนิยมในการกินใกล้เคียงกันเลยทีเดียว "ยายมา" ว่าอร่อย แทนไปชิมก็ว่าอร่อยทุกร้านไป จนชิมไปชิมมา แล้วบอกต่อๆ ไปเรื่อยๆ จนได้เรื่องได้ราว เป็นที่มาของรายการ แทน ไร้เทียมทาน ที่จะได้พบเจอกันทุกวันอังคาร ช่องห้า สามโมงกว่าๆ ชอบมะ ชอบมะ ...


กลับเข้ามาที่ร้าน "จก คิชเช่น" กันต่อ เดี๋ยวจะยืดยาวกันเกินพอดี ร้านนี้เปิดขึ้นมาโดยเฮียจกคนในรูปนั่นแหละ ซึ่งไม่สามารถบรรยายชีวประวัติกันได้ในหน้าเว็ป เนื่องจากยาวมากๆ เล่ากันสามวันสามคืนก็ไม่จบ เฮียแกอยู่มาแทบจะสิบประเทศแล้วก่อนกลับมาสานต่อกิจการ ส่งปู ของทางบ้าน รวมถึงกิจการเรือประมงอยู่ตามน่านน้ำ ต่างๆ เพื่อส่งวัตถุดิบไปยังภัตตาคารชื่อก้องทั่วเอเซีย จนไปไปมามา ความเป็นศิลปินที่ติดตัวมาแต่กำเนิดก็เกิดปะทุขึ้น ให้เฮียแกละทิ้งทุกสิ่งอย่าง หันมาทำอาหารให้เพื่อสนิทมิตรสหายได้กินกันที่บ้าน จากเดือนละโต๊ะ ไปจนเป็นอาทิตย์ละโต๊ะ สุดท้ายคนมากินข้าวที่บ้านมากขึ้นๆ ในที่สุดหันมาเอาดีทางนี้แทน ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว เฮียแกเลยหยุดเรือไว้ก่อน แล้วก็ต้องเลิกส่งปูไปในตัว เนื่องจากกลัวภัตตาคารต่างๆ หาว่าเปิดร้านแข่งกันกับลูกค้าปูทั้งหลาย รายได้มหาศาลที่มีอยู่เลยเป็นอันต้องลาพักร้อนเช่นเดียวกัน

เมื่อหันมาทำอาหารให้เพื่อนๆ กินกันอร่อยขนาดนี้ มีหรือชื่อเสียงจะไม่แผ่ขยายไปในวงกว้างขึ้น กว้างขึ้น จากเพื่อน ไปถึงเพื่อนของเพื่อน ถึงเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน และเพื่อนขอวเพื่อนของเพื่อนอีกที จนมาถึงแทน ที่เดิมทีไม่ใช่เพื่อนของเพื่อนของใครอะไรทั้งนั้น แต่อ่านหนังสือแล้วตามมา สุดท้ายแทนก็บอกต่อไปยัง เพื่อนของแทน ไปถึงเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนแทน ก็ไม่แปลกที่ร้านจะดังจนต้องจองคิวข้ามเดือนเหมือนสมัยนี้ เมื่อได้มาทำรายการก็จึงเลือกร้านนี้มาให้คุณผู้ชมได้บอกเพื่อน ไปถึงเพื่อนของเพื่อนของคุณผู้ชม เพื่อที่จะไปถึงเพื่อนของเพื่อนของใครต่อใครก็ไม่รู้ แต่พอแล้วดีกว่า ผมยังเบื่อเลย คนอ่านคงเบื่อกว่าผมแน่ๆ
มา... เราอย่ารอช้า ว่ากันที่จานแรกเลยดีกว่า จานนี้เรียกว่า "เกี๊ยวกุ้ง" เหมือนที่คนทั่วๆ ไปเรียกนี่แหละ จะแตกต่างก็ตรง วิธีรับประทาน ของมันนี่เอง ปกติคนส่วนใหญ่กินเกี๊ยว นี่มักจะกินในก๋วยเตี๋ยว หรือไม่ก็ทอดกินกับน้ำจิ้มหวาน แต่ที่นี่เค้า ลวก ครับ ลวกแล้วกินกับ จิ๊กโฉ่ เหมือนขนมจีบเลย แทนว่า จิ๊กโฉ่ ที่นี่ผ่านการปรุงรสใหม่ครับ เพราะอร่อยกว่าที่พบเจอตามร้านอาหารทั่วๆ ไป แต่นอกจากจิ๊กโฉ่รสดีแล้ว แป้งที่ห่อก็ลวกได้กำลังดี ไม่มีแข็งไม่มีเหนียว และที่สำคัญที่สุด กุ้งข้างในนี่เป็นตัวๆ เลย (ที่บอกเป็นตัวๆ เพราะมันมีมากกว่า 1 ตัว) จานนี้อร่อยมากๆ ทีเดียว เชื่อว่าถ้าไปกินที่นี่ครั้งแรก จะประทับใจกับจานนี้ครับ เพราะยกมาเป็นจานแรก รวมกับบรรยากาศร้าน อะไรต่อมีอะไร ทำให้ประทับใจแน่นอน สำหรับจานแรก

เกี๊ยวยังไม่ทันหมด เฮียจก ก็ส่งอีกเมนูตามมาอีกอย่างนึงให้เราแปลกใจกัน มันคือ "เป็ดรมควัน" ซึ่งความพิเศษของมันอยู่ที่ เมนูนี้ไม่ได้เป็นเมนูที่พบได้ตามร้านอาหาร หรือภัตตาคารทั่วๆ ไปในเมืองไทย แต่มักจะขายกันจริงๆ จังๆ ในภัตตาคารที่เมืองจีนครับ พอคนไทยเจอเข้ายังไงก็คงรู้สึกแปลกใจเป็นลำดับแรกกับรสชาดที่อร่อยแต่ไม่คุ้นลิ้น ก็เลยบอกตรงนี้ไว้เช่นกัน ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนไปลองครั้งแรกจะต้องกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกว่า มันมีรสหวานๆ เค็มๆ ติดอยู่ที่ปลายลิ้นไม่หายไปไหนซักที อันนี้ก็ถือว่าอร่อยครับ แม้ว่าเคยไปกินที่เมืองจีนต้นตำรับมา ก็ยังถือว่าเฮียจก ทำได้ไม่ไกลจากฝีมือคนจีนเท่าไหร่นัก "อร่อยครับ"


หลังจากกินเล่นกันมา 2 เมนูแล้ว ก็มากินจริงกันบ้างดีกว่า เมนูนี้เป็นเมนูโปรดชองแทน เมนูนึงเลยก็ว่าได้ ไปกินที่ไหนๆ ก็ยังแอบคิดถึงเมนูนี้ของเฮียจกแก เมนูนี้คือ "กุ้งผัดแปะก๊วย" ครับ เฮียจกแกใช้กุ้งแชบ๊วยตัวโตๆ ที่เลือกเองกับมือ รับประกันความสดโดย เฮียจก และแถมแทนรับประกันไปให้อีกคนเลย ว่าถ้าเฮียจกเลือกของทะเลแล้วไม่สด คนอื่นก็ไม่น่าจะรอดแล้วล่ะ กลับมาที่เมนูนี้ต่อ ทีเด็ดของเมนูนี้อยู่ที่รสชาดของซอสที่ใช้ผัด ซึ่งออกหวานนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ และเมื่อเจอกับความมันของแปะก๊วยเข้าไป มันช่วยเสริมรสชาดให้กุ้งที่หวานแบบเรียบๆ ให้มันจัดจ้านขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน เมนูนี้นอกจากกุ้งแล้ว แปะก๊วยก็สำคัญ เพราะคนทำไม่เป็นออกขมขึ้นมาแล้วพากันไม่อร่อยไปทั้งจานแน่นอนครับ



ต่อจากกุ้งเราข้ามหอยและปูไป มาลงที่ปลาก่อนเลยครับ ปลานี่ไม่ธรรมดา มาจากต่างประเทศกันเลยทีเดียว เฮียแกอิมพอร์ตมาเพื่อเป็นเมนูนี้โดยเฉพาะ "ปลาหิมะเจี๋ยน" ฟังชื่อแล้วนึกถึงปลาราดน้ำมันหอย หรือน้ำแดง แบบจีน แต่เจอของจริงเข้าไป กลายเป็นปลาหิมะชิ้นโต วางอยู่บนผักกาดแก้ว แล้วราดด้วยน้ำ สลัดสูตรเฉพาะ ที่ถามก็ไม่บอกว่าผสมอะไรลงไป รู้แต่เมนูนี้ดูคล้ายๆ สลัดเนื้อสันแบบจีนตามร้านเก่าแก่อย่างสีลมภัตตาคาร แต่ใช้ปลาแทน ส่วนน้ำสลัดก็ใช้เป็นซีอิ้วหวานสูตรเฉพาะแทน เมนูนี้ได้รางวัล

"เมนูไร้เทียมทาน"

จาก "แทน ไร้เทียมทาน" ไปเรียบร้อยเมื่อวันที่ไปถ่ายทำ ส่วนเหตุผลที่ให้เมนูนี้ก็เพราะ มันไร้เทียมทานจริงๆ ทั้งวิธีทอดปลาให้กรอบกำลังดี ในขณะที่ข้างในยังไม่ศูนย์เสียความมันและความชุ่มชื้นไป ส่วนผักที่ถูกรองมืเพื่อนกันเลี่ยนก็ผ่านการแช่ในน้ำแข็งเพิ่มความกรอบ และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ ซอส หรือซีอิ้วหวานที่ราดทับลงไป ไม่หวานเกิน ไม่เค็มเกิน และไม่เลี่ยนเกินเมื่อทานกับปลาทอด เมนูนี้แทนรับรองไปเลยว่า อร่อย ไร้เทียมทาน พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง



ต่อจากเมนูไร้เทียมทานก็จะเป็นเมนูหนักๆ กันบ้าง เพื่อนกันหิวก่อนนอน เมนูนี้ดูดีๆ เมนูนี้เฮียแกเรียกของแกเองว่า "ข้าวผัดอัยการ" คงมีอัยการซักท่านมาสั่งให้ทำแล้วเกิดอร่อยขึ้นมา กลายเป็นความดีความชอบไป แต่จริงๆ แล้วผมว่าเมนูนี้น่าจะเรียกว่า "ข้าวผัดจกรวมฮิต" อะไรประมาณนี้ เพราะมันเหมือนเอาของที่เหลือจากเมนูอื่นๆ มาผัดรวมกัน เมันมีทั้งเป็ดรมควัน ไปจนถึง ผักคะน้า จากเมนูกุ้งผัดแปะก๊วย ครับ แต่ทีเด็ดของมันจริงๆ อยู่ที่กลิ่นกระทะครับ แทนว่าข้าวผัดที่มีกลิ่นหอมนี่มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนรสชาดมันปรุงแต่งกันเองได้จากพริกน้ำปลา หรืออะไรก็ว่าไป แต่กลิ่นนี่มันต้องมาจากในครัว ซึ่งไม่ได้มีทุกครัว มันขึ้นอยู่กับฝีมือล้วนๆ ครับ เมนูนี้ให้คะแนนเรื่องกลิ่นเต็ม 1 เลยครับ หอมมากๆ ส่วนรสชาดก็ถือว่าลงตัวนะครับ หากใครชอบข้าวผัดสไตล์ข้าวผัดปลาเค็ม คงต้องชอบข้าวผัดที่ผัดกับเป็ดเค็มๆ หวานๆ จานนี้แน่นอน


ท้ายสุดแต่ใช่สุดท้าย กับขนม "แปะก๊วยสไตล์ จก คิชเช่น" ครับ ดูเผินๆ เหมือนแปะก๊วย ธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือรสชาดของน้ำใสๆ นั่นครับ ใจจริงๆ ไม่อยากบอกเลย อยากให้มีความรู้สึกเดียวกับแทน วันที่ได้ชิมครั้งแรก มันงง งง เลยครับ จะว่าอร่อยก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆ แปลกสุดๆ มันคือน้ำเกลือครับ ไม่เคยเจอที่อื่นเหมือนกัน กินเข้าไปคำแรกอึ้งไปถึงคำที่สามสี่ห้าเลยครับ แต่กินไปกินมาก็อร่อยไปอีกแบบ เฮียแกให้ข้อมูลว่าที่ใช้น้ำเกลือเพราะแกว่าแปะก๊วยมัน มันๆ เจออะไรหวานๆ แล้วมันมากไป เลยเอาความเค็มอ่อนๆ ของน้ำ เกลือ มาสร้ารสชาดใหม่กันไปเลยดีกว่า ...


สุดท้ายแล้ว จะบอกว่า สำหรับวันที่ไปถ่ายมาให้ชมกัน ไปกันไม่กี่คน เลยอิ่มมากๆ กับเมนูเด็ดที่เล่ามา แค่ไม่กี่อย่างครับ แต่จริงๆ แล้วจะบอกทุกๆ คนเลยว่า ถ้าไปหลายคน หรือ ถ้ามีกำลังในการกินสูง บอกเฮียแกไปเลยว่าอยากทาน "ปูนึ่ง" ครับ รับประกันได้เลย ว่าจะต้องตะลึงฝีมือการเลือกปู ไปจนถึงการแกะปู คนขี้เกียจแกะปูเจอปูเฮียจกเข้าไป รักแกตายเลยครับ แกแกะมาให้ซะกินง่ายเลย


เกือบลืมน้ำแกง เดี๋ยวจะคอแห้งกันหมดก่อน อันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่เป็นอีกเมนูแนะนำ"ปลาเก๋าต้มบ๊วย" ครับ เอามาซดแก้เลี่ยน เมนูนี้ได้ไปลองชิมมาแล้ว บอกได้เลยว่า ปลาที่นี่ เก๋า จริงๆ ครับ เนื้อแน่นมากๆ ส่วนรสชาด โดยส่วนตัวเป็นคนชอบอะไรต้มบ๊วยอยู่แล้ว เลยชอบรสชาดประมาณนี้

เอาล่ะ ยาวไปแล้ว วันนี้ลาไปก่อนครับ แล้วจะกลับมากับ แทน ไร้เทียมทาน เทป ต่อๆ ไป ใครมีเวลาติดตามช่องห้า สามโมงกว่าๆ ทุกวันอังคาร ครับ ส่วนใครไม่มีเวลา นี่เลย www.udootv.com เลือกดูรายการย้อนหลังได้ตามสะดวกเลยครับ เทปแรกเป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 นะครับ จากนั้นทุกอังคารก็พบกับแทน แน่นอนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม